บทบาทผู้นำโลก หลังสงครามโลกครั้งที่ 3
สงครามโลกครั้งที่ 3 จะแตกต่างจาก สงครามโลก 2 ครั้งที่ผ่านมา สองครั้งที่ผ่านมา จะเป็นการใช้กำลังใช้อาวุธความรุนแรง ห่ำหั่นกัน ใครมีกลยุทธ์ มีกำลังมากพวกมาก ก็ชนะไป แต่ครั้งนี้ เป็นสงครามทางการค้าและสงครามชีวภาพ ที่แต่ละประเทศจะต้องต่อสู้ด้วยตนเอง
หลังสงครามโลกครั้งที่1 กลุ่มพันธมิตรในยุโรปที่มีอังกฤษ ฝรั่งเศส เป็นแกนนำอ่อนแอลง สหรัฐฯผงาดขึ้น ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับอังกฤษและฝรั่งเศส
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กลุ่มสัมพันธมิตรเป็นฝ่ายชนะอีกแต่ก็ย่อยยับ สิ้นเนื้อประดาตัวไปตามๆกัน แต่ละชาติอ่อนแอ จนไม่สามารถที่จะเป็นผู้นำของโลกได้อีก ในขณะฝ่ายที่พ่ายแพ้ก็ถูกบังคับจนโงหัวไม่ขึ้น
สหรัฐฯ ผงาดขึ้นเป็นผู้นำโลกอย่างเต็มภาคภูมิ ในฐานะที่เป็นผู้กอบกู้สันติภาพให้กับโลก ในฐานะที่เป็นผู้นำแห่งสันติภาพและมนุษยชนให้กับชาวโลก และเป็นผู้นำแห่งความมั่งคั่งของโลก ที่สำคัญคือดอกผลของชัยชนะในสงครามโลกของพันธมิตรนั้น สหรัฐได้เก็บเกี่ยวและได้รับประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะคือการกวาดต้อนเอายอดนักคิดนักวิทยาศาสตร์ของโลกไปเป็นกำลังทางความคิดและภูมิปัญญาของชาติ
หลังจากสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง สหรัฐได้พลิกผันตนเองเป็นผู้นำของโลกและเสริมสร้างแสนยานุภาพครอบงำโลก โดยการจัดตั้งฐานทัพทางบกถึง 800 แห่ง และจัดตั้งกองเรือถึง 10 กองเรือ ปกป้องคุ้มครองสองฝั่งทวีปของอเมริกา และวางกำลังในทุกมหาสมุทรของโลก โดยเฉพาะมหาสมุทรแปซิฟิก มหาสมุทรอินเดีย ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ไปจนถึงทะเลเหนือ และมหาสมุทรในทวีปอาร์กติกและแอตแลนติก
สหรัฐได้ครอบงำสหประชาชาติอย่างเบ็ดเสร็จ และได้ตั้งองค์กรที่เป็นเครื่องไม้เครื่องมืออย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะการก่อตั้งระบบการเงินของโลกและระบบการค้าของโลก
ในขณะที่รัสเซียก็พยายามแข็งข้อต่อสู้ เพราะรัสเซียนั้นก็เป็นประเทศมหาอำนาจที่ไม่เคยแพ้ใครในประวัติศาสตร์เช่นเดียวกัน จึงก่อเกิดความขัดแย้งเป็นสองค่าย คือค่ายประชาธิปไตยกับค่ายคอมมิวนิสต์ และในที่สุดก็กลายพันธุ์มาเป็นค่ายนาโต้ที่สหรัฐเป็นผู้นำ กับค่ายองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ ที่มีรัสเซีย จีน เป็นผู้นำในปัจจุบันนี้
สงครามโลกครั้งที่ 3 เป็นสงครามทางการค้าและสงครามชีวภาพในชื่อไวรัสอู่ฮั่น ซึ่งขณะนี้ก็คือไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดไปทั่วโลก ประเทศจีนภายใต้การนำของประธานสีจิ้นผิง สามารถรับมือกับสามแนวรบนี้ได้อย่างนุ่มนวล คือสามารถเอาชนะการแพร่ระบาดของไวรัสได้อย่างรวดเร็วในชั่วเวลาแค่สองเดือน สามารถสยบการเคลื่อนไหวทางการทหารในแปซิฟิกให้สลายไปได้โดยไม่ต้องประมือ และสามารถสยบสงครามทางการค้าได้อย่างงดงามด้วย
หลังจากจีนสามารถเอาชนะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ได้ จีนได้พลิกบทบาทเป็นประเทศที่ให้การช่วยเหลือประเทศต่าง ๆ ที่ไวรัสแพร่ระบาด โดยใช้ความคิดหนึ่งมณฑลช่วยเหลือหนึ่งประเทศ เข้าช่วยเหลือเกื้อกูลชาวโลก เป็นที่ชื่นชมยินดีของประเทศต่าง ๆ ถึงขนาดสมาชิกในกลุ่มสหภาพยุโรปได้แถลงเป็นทางการว่าสหภาพยุโรปเป็นแค่กระดาษ ไม่มีคุณค่าในความเป็นจริง มีแต่ประเทศจีนที่เป็นที่พึ่งได้ของชาวโลก ซึ่งเป็นการตบหน้าทั้งสหรัฐและกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปอย่างโจ่งแจ้งที่สุด
ผ่านไปสองเดือนเศษ ความขาดแคลนในสหรัฐฯ ที่มีผู้ป่วยมากที่สุดในโลกไม่ว่าจะเป็น เครื่องอุปโภคบริโภคและเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ก็ยิ่งขาดแคลนรุนแรงขึ้น เครื่องอุปโภคบริโภคและเครื่องมือทางการแพทย์ 80% ของสหรัฐนั้นต้องนำเข้ามาจากประเทศจีน และถ้าหากจีนไม่ส่งของดังกล่าวให้แก่สหรัฐ เพียงสองเดือนโรงพยาบาลทั่วประเทศในสหรัฐจะต้องปิดตัวลง
ในยามที่ไวรัสระบาดทั่วทุกมลรัฐของสหรัฐ และมีชาวอเมริกัน อดอยากขาดแคลน และขาดไร้ซึ่งอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์รุนแรงขึ้น สหรัฐไม่เคยเจอ สถานการณ์แบบนี้มาก่อน จึงตั้งตัวยังไม่ได้ ภาพที่สหรัฐเคยประกาศ ข่มขู่ คว่ำบาตรชาติอื่น จึงหายไป และไม่มีชาติใดสนใจ เพราะแต่ละประเทศ ขอปิดประเทศให้ปลอดภัยจากไวรัสก่อน
สถานการณ์กำลังบอกแก่ชาวโลกว่า ความเป็นผู้นำของโลกยุคใหม่นั้นไม่ใช่การกดขี่ ข่มเหง ไม่ใช่การเอาเปรียบ ไม่ใช่การรุกราน ไม่ใช่การแซงชั่นคว่ำบาตร ไม่ใช่การใช้มาตรฐานเอาเปรียบชาติอื่นอีกแล้ว แต่ผู้นำโลกยุคใหม่นั้นต้องเป็นผู้นำที่ช่วยเหลือเกื้อกูลประเทศต่าง ๆ และมวลมนุษย์ทั่วโลกฉันท์พี่น้อง ซึ่งสถานการณ์หลังสงครามโลกครั้งที่ 3 นี้จบลง จีนจะผงาดขึ้นเป็นผู้นำท่ามกลางความเป็นจริงของสถานการณ์ ว่านี่คือผู้นำของโลกยุคใหม่ ศตวรรษ 21 ที่แท้จริง