โควิด19ระบาดในเรือนจำ กลางเชียงใหม่

เชียงใหม่ ผนึกกำลังแถลงสถานการณ์โควิด-19 ในเรือนจำกลาง

วันที่ 17 พ.ค. 64 ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยพลตรี ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ พลตรี วุฒิไชย อิศระ รองเจ้ากรมแพทย์ทหารบก นายสุรศักดิ์ เผื่อนคำ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่ และนายอรรถวุฒิ พึ่งเนียม นายอำเภอแม่แตง ร่วมกันแถลงข่าวการดำเนินงานโรงพยาบาลสนาม ในเรือนจำกลางเชียงใหม่

นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้มีการตรวจพบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายในเรือนจำกลางเชียงใหม่ ในช่วงกลางเดือนเมษายน เนื่องจากมีผู้ต้องขังจำนวนมากและอยู่ในพื้นที่ปิด จึงได้มีการนำระบบ Bubble & Seal มาใช้บริหารจัดการในเรือนจำตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 64 ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาการดำเนินการ 28 วัน การดูแลจะคล้ายการล็อคดาวน์ในทุกห้อง ทุกแดน และค้นหาผู้มีอาการเข้ารักษาที่โรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่ พร้อมตรวจหาภูมิคุ้มกันโรคในทุก 14 วัน ทั้งนี้ คาดว่าในรอบสุดท้ายจะมีผู้ต้องขังที่ไม่มีภูมิคุ้มกันเพียง 10% และจะสามารถส่งคืนพื้นปลอดภัยให้แก่เรือนจำกลางได้ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 ขณะนี้การดำเนินงานเป็นไปตามแผนและมีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามลำดับ สำหรับจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อกว่า 3 พันคน ในเรือนจำกลางเชียงใหม่นั้น ทั้งหมดอยู่ภายใต้การดูแลรักษาและการควบคุมการแพร่ระบาด กรณีมีผู้ต้องขังพ้นโทษก็ยังคงต้องกักตัวเองอีก 14 วัน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนภายนอก และเชื่อมั่นว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดภายในเรือนจำกลางอย่างแน่นอน

กรณีการแพร่ระบาดในเรือนจำกลางจังหวัดเชียงใหม่นั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อการรับการปรับลดระดับพื้นที่ควบคุมเข้มงวดสูงสุด (สีแดงเข้ม) มาเป็นพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จากศบค. แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นพื้นที่ควบคุมคนละส่วนกันสำหรับตัวเลขล่าสุดในขณะนี้ เรือนจำกลางเชียงใหม่มีผู้ต้องขัง จำนวน 6,311 คน ติดเชื้อโควิด-19 แล้วจำนวน 3,793 คน หรือคิดเป็น 60% ของผู้ต้องขังทั้งหมด เป็นผู้มีภูมิคุ้มกันในตนเองแล้วจำนวน 1,532 คิดเป็น 1 ใน 4 หรือ 24.27% ของผู้ต้องขังทั้งหมด และมีผู้ติดเชื้อที่กำลังจะพ้นระยะการกักตัวใน 1-2 วันนี้ อีกกว่า 1,600 คน หรือคิดเป็น 44% ของผู้ต้องขังทั้งหมด อย่างไรก็ตามยังคงเหลือผู้ต้องขังที่ไม่ติดเชื้อโควิด-19 อีก 923 คน ทั้งนี้ข้อมูลทั้งหมดได้เกิดขึ้นจากกระบวนการตรวจวิเคราะห์อย่างมีระบบและมีมาตรฐาน ผ่านการตรวจหาเชื้อจำนวน 2 ครั้ง และการตรวจหาภูมิคุ้มกัน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง

นายสุรศักดิ์ เผื่อนคำ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่ กล่าวถึง สถานการณ์การดูแลผู้ต้องขังในเรือนจำกลางเชียงใหม่ ว่า ต้องขอบคุณในการบูรณาการช่วยเหลือจากทุกภาคส่วน ที่ได้ดูแลและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยขณะนี้ยืนยันว่ายังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ในเรือนจำกลางเชียงใหมีทั้งหมด 10 แดน สำหรับแดนที่เกิดเหตุ เป็นแดนที่ 4 ซึ่งเป็นแดนแรกรับที่มีการรับผู้ต้องขังใหม่เข้ามาภายในเรือนจำ โดยเรือนจำมีกระบวนการการแยกขังผู้ต้องขังอย่างน้อย 15 วัน โดยมีมาตรฐานการดูแลตามที่กรมราชทัณฑ์กำหนด แต่เนื่องจากการระบาดในระลอกนี้มีความรุนแรงมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จึงได้ขอรับการช่วยเหลือและสนับสนุนอย่างดีจากทางจังหวัดเชียงใหม่ ทหาร ตำรวจ และทุกภาคส่วนรวมถึงพี่น้องประชาชน ให้เข้ามาช่วยเหลือ

สำหรับเหตุการณ์การระบาดในเรือนจำเกิดจากมีผู้ต้องขังจากแดน 4 ไปเรียนหนังสือที่แดน 6 จากแดน 6 ไปสู่ผู้ต้องขังที่แดน 5 ซึ่งเป็นผู้ต้องขังจากโทษคดีทั่วไป และขยายไปถึงแดน 7 ซึ่งมาเรียนหนังสือร่วมกัน ทำให้เกิดการติดเชื้อกันอย่างรวดเร็ว ที่ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุแล้ว อาจจะต้องพิ่มจำนวนวันในการกักตัวเป็น 21 วัน หรือ 30 วัน และมีการ Swap ทุกวัน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของทางกรมราชทัณฑ์ที่จะต้องปรับปรุงและตั้งรับการพัฒนาของโรคต่อไป

ด้านนายอรรถวุฒิ พึ่งเนียม นายอำเภอแม่แตง กล่าวว่า ทางอำเภอแม่แตงได้จัดตั้ง Local Quarantine จำนวน 4 ศูนย์ เพื่อรองรับผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวออกมาจากเรือนจำกลางเชียงใหม่ ทั้งผู้ที่พ้นโทษและผู้ประกันตัวในชั้นศาล เนื่องจากเข้าไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูงมาก เพื่อติดตามและสังเกตุอาการ โดยมีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลแม่แตง และสาธารณสุขอำเภอแม่แตงเข้ามาดูแลและรักษาพยาบาล พร้อมทั้งมีการจัดตั้งเวรยามควบคุมตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งผลการดำเนินงานที่ผ่านมามีผู้ที่กักตัวอยู่ใน Local Quarantine ของอำเภอแม่แตง ทั้งหมด 57 คน มีผลเป็นบวก 30 คน ซึ่งได้นำส่งเข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลสนามจังหวัดเชียงใหม่ คงเหลือผู้กักตัวอยู่ในการดูแลอีก 23 คน และอีก 4 คนได้ตรวจหาเชื้อซ้ำ 2 รอบพบว่าไม่มีเชื้อและพ้นระยะการเฝ้าระวัง จึงได้อนุญาตให้กลับบ้านได้ ทั้งนี้ขอให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นว่าผู้ที่ถูกปล่อยตัวมาจะไม่มีการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ชุมชน


แผนที่ดอยเต่า

ภาพดอยเต่าในอดีต